
ฝนเอยฝนมา... ได้เวลาหน้าฝนอันเปียกปอนมาเยือนแล้ว ไม่ใช่แค่ความชุ่มฉ่ำเท่านั้นนะ รับรองว่า โรคเพียบ ! ใครที่ไม่อยากป่วยหน้าฝนก็ลองมาดู 8 เมนูอาหารจานเด็ดต้อนรับหน้าฝน รับมือให้พร้อมจะได้ไม่ป่วย แถมอร่อยด้วย
ถ้าอากาศจะเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝนตกแบบนี้ มีหวังร่างกายคงจะต้านทานไม่ไหว ปรับตัวไม่ทันเอาได้ง่าย ๆ ยิ่งคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำก็คงต้องดูแลร่างกายกันให้มากหน่อย เพราะโรคที่มากับฝนนั้นเยอะเหลือเกิน วันนี้กระปุกดอทคอมมี 8 เมนูอาหารเพื่อสุขภาพต้านโรคในช่วงหน้าฝนมาแนะนำ ซึ่งในแต่ละเมนูมีทีเด็ดที่สามารถช่วยปรับสมดุลให้ร่างกายอยู่ในอุณหภูมิที่ปกติและคงที่ และนอกจากจะช่วยดูแลรักษาและบำรุงสุขภาพทางกายได้แล้ว ยังจะพบกับความอร่อยที่แฝงมากับเมนูเหล่านี้อีกด้วย

1. แกงเลียง
ถ้าอากาศจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝนตกทุกวันแบบนี้ ยังไงเสียก็คงหนีอาการเป็นหวัดคัดจมูกน้ำมูกไหลไม่พ้นแน่นอน ถ้าขึ้นชื่อว่าเมนูอาหารแก้หวัดก็ต้องนึกถึงเมนูแกงเลียงเป็นอันดับแรก ๆ ตักซดร้อน ๆ จมูกโล่งโปร่งสบายดีนักแล ทีเด็ดก็อยู่ตรงที่ความเผ็ดร้อนจากเครื่องแกงที่จัดมาทั้งกระชาย พริกไทยดำ และหอมแดง และผักที่ใส่ลงไปในแกงเลียงนี่แหละ เขาว่ากันว่า ช่วยแก้หวัดชะงัดนัก
ส่วนผสม
พริกไทยดำ 1 1/2 ช้อนชา
กระชาย 1-2 แง่ง
หอมแดง 3-4 หัว
กะปิ 1 ช้อนชา
กุ้งแห้งป่นละเอียด 1/3 ถ้วย
น้ำซุปไก่ 3 ถ้วย
บวบ หั่นเป็นชิ้นพอคำ 150 กรัม
ฟักทอง หั่นเป็นชิ้นพอคำ 200 กรัม
ซูกินี หั่นเป็นชิ้นพอคำ 150 กรัม
ข้าวโพดอ่อน หั่นสไลซ์ 150 กรัม
เห็ดกระดุม 150 กรัม
กุ้งสด 200 กรัม
ใบแมงลัก 80 กรัม
น้ำปลา (ปรุงรส)
วิธีทำ
ถ้าอากาศจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝนตกทุกวันแบบนี้ ยังไงเสียก็คงหนีอาการเป็นหวัดคัดจมูกน้ำมูกไหลไม่พ้นแน่นอน ถ้าขึ้นชื่อว่าเมนูอาหารแก้หวัดก็ต้องนึกถึงเมนูแกงเลียงเป็นอันดับแรก ๆ ตักซดร้อน ๆ จมูกโล่งโปร่งสบายดีนักแล ทีเด็ดก็อยู่ตรงที่ความเผ็ดร้อนจากเครื่องแกงที่จัดมาทั้งกระชาย พริกไทยดำ และหอมแดง และผักที่ใส่ลงไปในแกงเลียงนี่แหละ เขาว่ากันว่า ช่วยแก้หวัดชะงัดนัก

























2. แกงจืดเต้าหู้สอดไส้เนื้อปลา
ถ้ารู้สึกว่าเริ่มจะเป็นหวัดลงคอแล้ว มีอาการระคายเคืองที่คอจะกลืนจะกินอะไรก็ค่อนข้างลำบาก แต่จะให้กินโจ๊กจนกว่าจะหายไข้ก็คงขาดสารอาหาร ก็ลองมาดูเมนูแกงจืดรสชาติเบา ๆ ไว้ซดร้อน ๆ ให้ร่างกายได้อบอุ่นกันหน่อยกับเมนูแกงจืดเต้าหู้สอดไส้เนื้อปลา ถึงจะชื่อว่าแกงจืดแต่รสชาติไม่จืดชืดแน่นอน แถมยังเป็นเมนูที่กินง่าย ๆ เพราะเป็นเต้าหู้และเนื้อปลานุ่ม ๆ คนที่กำลังเป็นหวัดลงคอก็สามารถกินได้
สิ่งที่ต้องเตรียม
เต้าหู้ขาวแบบนิ่ม
กระเทียม
พริกไทย
รากผักชี
เนื้อปลาอินทรีบด (หรือเนื้อปลากรายบด)
แตงกวา (หรือมะระสด) คว้านเม็ดออก
เห็ดหอมสับ
น้ำเปล่า
ผงซุปไก่
กระเทียมเจียว
ผักชี-ต้นหอม
พริกไทยป่น
ถ้ารู้สึกว่าเริ่มจะเป็นหวัดลงคอแล้ว มีอาการระคายเคืองที่คอจะกลืนจะกินอะไรก็ค่อนข้างลำบาก แต่จะให้กินโจ๊กจนกว่าจะหายไข้ก็คงขาดสารอาหาร ก็ลองมาดูเมนูแกงจืดรสชาติเบา ๆ ไว้ซดร้อน ๆ ให้ร่างกายได้อบอุ่นกันหน่อยกับเมนูแกงจืดเต้าหู้สอดไส้เนื้อปลา ถึงจะชื่อว่าแกงจืดแต่รสชาติไม่จืดชืดแน่นอน แถมยังเป็นเมนูที่กินง่าย ๆ เพราะเป็นเต้าหู้และเนื้อปลานุ่ม ๆ คนที่กำลังเป็นหวัดลงคอก็สามารถกินได้














วิธีทำ
1. หั่นแบ่งเต้าหู้ขาวเป็น 4 ชิ้นแล้วผ่าครึ่งเพื่อให้สอดไส้เข้าไปได้ หั่นต้นหอมและผักชีหั่นเป็นท่อน ๆ พักไว้
2. โขลกสามเกลอ กระเทียม พริกไทย และรากผักชีให้ละเอียด แล้วนำมาคลุกเคล้ากับเนื้อปลา
3. นำเนื้อปลาที่ปรุงรสแล้วยัดไส้ไปในเต้าหู้และแตงกวา
4. นำน้ำใส่หม้อ ตั้งไฟให้เดือด ใส่ผงซุปไก่ลงไป (อาจใส่เห็ดหอมหั่นลงต้มไปด้วย เพื่อให้ได้กลิ่น)
5. เมื่อน้ำเดือดจัด ใส่เต้าหู้และแตงกวายัดไส้ลงไป ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว (หรือน้ำปลา, เกลือป่น)
6. ถ้าเต้าหู้และแตงกวาลอยขึ้นมาแสดงว่าสุกดีแล้ว ก่อนปิดไฟ ให้แบ่งใส่ต้นหอมและผักชีบางส่วนลงไป ก่อนเสิร์ฟ โรยต้นหอม ผักชี และพริกไทย ใส่กระเทียมเจียว








3. ซุปขิง
หรือถ้ายังรู้สึกว่าจมูกโล่งไม่พอ คงต้องเจอซุปขิงถ้วยนี้เลย ได้ความเผ็ดร้อนของขิงไปเต็ม ๆ แถมเมนูนี้ยังเป็นเมนูอาหารสุขภาพล้างพิษดี ๆ ที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะขิงมีสรรพคุณช่วยในเรื่องการขับเหงื่อที่ถือว่าเป็นการขับสารพิษในระดับผิวหนังให้หมดไปได้ ช่วยขับลมในช่องท้อง แถมยังสามารถช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างเป็นปกติอีกด้วย
สิ่งที่ต้องเตรียม (สำหรับ 4 ที่)
ขิงอ่อน ปอกเปลือกซอยบาง 3 ถ้วย
มันฝรั่งหั่นเต๋า 3 ถ้วย
หอมหัวใหญ่สับ 1/2 ต้น
หอมฝรั่งซอย 1 ถ้วย
ไวน์ขาว 1/4 ถ้วย
วิปปิ้งครีมสด 1/2 ถ้วย
น้ำสต๊อกไก่ 6 ถ้วย
เกลือ 1 1/2 ช้อนชา
น้ำมันมะกอกสำหรับผัด 3 ช้อนโต๊ะ
อาหารทะเลสด 2 ถ้วย เช่น หอยเชลล์สด กุ้งทะเลสด และเนื้อปลาทะเลสด หั่นเป็นชิ้นพอคำ
พริกไทยดำป่น เล็กน้อย
ผักชี (ตกแต่ง)
วิธีทำ
1. อุ่นน้ำสต๊อกให้เดือดแล้วใส่อาหารทะเลลงลวกจนสุก ตักขึ้นพักไว้
2. ผัดหัวหอมสับกับน้ำมันมะกอกด้วยไฟอ่อนจนสุกและใส จึงใส่ขิง ต้นหอม พริกไทย และมันฝรั่งลงไปผัดสักครู่จนเริ่มสุกนิ่ม เติมไวน์ขาวลงไปแล้วเร่งไฟขึ้น ผัดต่ออีกประมาณ 1 นาที เติมน้ำสต๊อกที่ลวกเนื้อสัตว์เมื่อครู่ลงไป ลดไฟลงเป็นไฟกลางค่อนไปทางอ่อน ต้มส่วนผสมจนมันฝรั่งนิ่ม ปิดไฟ พักไว้ให้เย็น
3. นำส่วนผสมที่ผัดไว้และเย็นแล้วใส่ลงในเครื่องปั่น ปั่นจนได้ซุปเนื้อละเอียดเนียนดี เทกรองผ่านกระชอน ใช้ทัพพียีส่วนผสมซุปให้ผ่านกระชอนลงไปมากที่สุด
4. เทซุปที่ได้กลับใส่หม้อ ยกขึ้นตั้งไฟกลาง ต้มให้ร้อนอีกครั้ง เมื่อส่วนผสมร้อนแล้วปิดไฟ เติมครีมสด คนพอเข้ากัน ตักซุปใส่ถ้วยแล้วใส่เครื่องทะเลที่ลวกไว้ลงไป โรยด้วยผักชี พร้อมเสิร์ฟ
หรือถ้ายังรู้สึกว่าจมูกโล่งไม่พอ คงต้องเจอซุปขิงถ้วยนี้เลย ได้ความเผ็ดร้อนของขิงไปเต็ม ๆ แถมเมนูนี้ยังเป็นเมนูอาหารสุขภาพล้างพิษดี ๆ ที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะขิงมีสรรพคุณช่วยในเรื่องการขับเหงื่อที่ถือว่าเป็นการขับสารพิษในระดับผิวหนังให้หมดไปได้ ช่วยขับลมในช่องท้อง แถมยังสามารถช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างเป็นปกติอีกด้วย




















4. น้ำพริกสมุนไพร
เมนูน้ำพริกถ้วยนี้เรียกได้ว่า ยกกองทัพสมุนไพรเผ็ดร้อนที่มีคุณสมบัติช่วยรักษาสมดุลในร่างกายมาไว้ในถ้วยเดียว ทั้งกระเทียม หอมแดง ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก และข่า แถมกินแล้วไม่อ้วนด้วย เพราะแคลอรีต่ำ ดูแปลกใหม่แต่ได้ประโยชน์เห็น ๆ
ส่วนผสม
หอมแดงซอย 100 กรัม
กระเทียมซอย 75 กรัม
ตะไคร้ซอย 25 กรัม
ใบมะกรูดซอย 10 กรัม
พริกชี้ฟ้าแห้งหั่นท่อนสั้น ๆ 10 กรัม
กุ้งแห้ง 25 กรัม
ข่าซอย 5 กรัม
ไข่ต้ม 2 ฟอง
น้ำมันพืชสำหรับทอด
น้ำปรุงรส
ผักสดและผักต้มตามชอบ
ส่วนผสม น้ำปรุงรส
น้ำมะขามเปียกคั้นข้น ๆ 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปีบ 1/2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ทำน้ำปรุงรส โดยผสมน้ำมะขามเปียก น้ำปลา และน้ำตาลปีบ ยกขึ้นตั้งไฟเคี่ยวพอมีลักษณะเหนียวข้น ปิดไฟ เตรียมไว้
2. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชพอร้อน ใส่หอมแดง กระเทียม ตะไคร้ ใบมะกรูด ข่า กุ้งแห้ง และพริกชี้ฟ้าลงทอดตามลำดับจนสุกเหลืองกรอบ จากนั้นตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
3. ตั้งกระทะ ใส่น้ำปรุงรสลงไป พอร้อนแล้วใส่สมุนไพรที่ทอดไว้ลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันจนทั่วดี ปิดไฟ ยกลง พักไว้พออุ่น จัดใส่ถ้วยรับประทานกับไข่ต้ม ผักสด และผักต้มตามชอบ
เมนูน้ำพริกถ้วยนี้เรียกได้ว่า ยกกองทัพสมุนไพรเผ็ดร้อนที่มีคุณสมบัติช่วยรักษาสมดุลในร่างกายมาไว้ในถ้วยเดียว ทั้งกระเทียม หอมแดง ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก และข่า แถมกินแล้วไม่อ้วนด้วย เพราะแคลอรีต่ำ ดูแปลกใหม่แต่ได้ประโยชน์เห็น ๆ






















5. ปลาแซลมอนย่างใบชะพลู
ปลาแซลมอนย่างใบชะพลูจานนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่จะช่วยปรับสมดุลของร่างกายให้กลับมาอยู่ในสภาวะที่ปกติ เป็นอาหารสุขภาพย่อยง่าย ๆ ทำจากเนื้อปลาแซลมอนนุ่ม ๆ และยังหอมกลิ่นใบชะพลูด้วย ที่สำคัญคือทำง่ายมาก ๆ
สิ่งที่ต้องเตรียม (สำหรับ 2 ที่)
เนื้อปลาแซลมอน (หั่นชิ้นยาวประมาณ 3 นิ้ว) 200 กรัม
ใบชะพลู 20 ใบ
น้ำมันพืช เล็กน้อย
เกลือป่นและพริกไทยดำบดหยาบ เล็กน้อย
สิ่งที่ต้องเตรียม (สำหรับน้ำจิ้ม)
น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปีบ 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูหั่นแว่น 2 เม็ด
วิธีทำ
1. โรยเกลือและพริกไทยดำบนเนื้อปลาแซลมอน จากนั้นห่อด้วยใบชะพลู เสียบไม้แล้วย่างบนกระทะที่ใส่น้ำมันเล็กน้อยจนเนื้อปลาสุก
2. เตรียมส่วนผสมน้ำจิ้มโดยผสมน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปีบ เกลือ และน้ำเข้าด้วยกัน ต้มจนเดือด ปิดไฟ พักไว้ให้เย็น ใส่พริกขี้หนู ชิมรส เสิร์ฟพร้อมปลาแซลมอนย่าง
1. ทำไส้งาดำ โดยผสมน้ำตาลทรายกับงาดำป่น และเนยถั่วเข้าด้วยกัน (ถ้าไม่ชอบหวานให้ลดน้ำตาลลงได้) จากนั้นปั้นเป็นลูกกลม ๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 ซม. แล้วนำไปแช่ช่องฟรีซ เตรียมไว้
2. ทำแป้งบัวลอย โดยผสมแป้งข้าวเหนียว แป้งถั่วเขียว และน้ำเข้าด้วยกัน นวดจนแป้งเนียนแล้วลองปั้นดู ถ้ามีรอยแป้งแตกให้เติมน้ำได้เล็กน้อยค่ะ
3. ทำน้ำขิง โดยปอกขิงที่เผาไฟสัก 2-3 ชิ้น (จะฝานเป็นแผ่นหรือทุบเล็กน้อยก็ได้ค่ะ) ต้มน้ำให้เดือดแล้วใส่ขิงลงไปต้ม ตามด้วยน้ำตาลอ้อย จากนั้นรอให้เดือดประมาณ 5 นาทีแล้วยกลงจากเตา พักไว้ค่ะ
4. นำไส้ขนมออกมาจากตู้เย็น ปั้นแป้งเป็นลูกกลม ๆ กดให้แบน วางไส้ขนมลงไปแล้วห่อแป้งให้มิด (เวลาต้มไส้จะได้ไม่แตก) พอห่อเรียบร้อยแล้วนำไปคลุกลงผงแป้งข้าวเหนียว (เพื่อขนมจะได้ไม่ติดกันค่ะ) ปั้นต่อไปเรื่อย ๆ จนไส้ขนมหมดนะคะ *อย่าห่อแป้งหนามาก เวลารับประทานจะต้องอ้าปากกว้างเห็นลิ้นไก่นะคะ*
5. นำหม้อน้ำขิงขึ้นตั้งไฟรอให้น้ำขิงเดือดก่อนแล้วนำขนมลงต้มทันทีค่ะ เมื่อขนมสุก ตัวขนมจะลอยขึ้นเหนือน้ำ ตักใส่ถ้วย พร้อมรับประทาน



ปลาแซลมอนย่างใบชะพลูจานนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่จะช่วยปรับสมดุลของร่างกายให้กลับมาอยู่ในสภาวะที่ปกติ เป็นอาหารสุขภาพย่อยง่าย ๆ ทำจากเนื้อปลาแซลมอนนุ่ม ๆ และยังหอมกลิ่นใบชะพลูด้วย ที่สำคัญคือทำง่ายมาก ๆ
















6. บัวลอยน้ำขิง
มาดูเมนูของหวานไล่หวัดอันเลื่องชื่อกันบ้าง จะเป็นอะไรไปได้นอกเสียจาก บัวลอยน้ำขิง อย่างที่รู้ ๆ กันดีอยู่แล้วว่าสรรพคุณเจ๋งขนาดไหน ไหนจะน้ำขิงเผ็ดร้อนที่ซดแล้วโล่งจมูกคล่องคอและแก้หวัดได้แล้ว ยังมีงาดำบดเพิ่มโปรตีนให้ร่างกายอีกด้วย
ส่วนผสมแป้งบัวลอย
แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย
แป้งถั่วเขียว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
ส่วนผสมไส้งาดำ
งาดำป่น 1 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
เนยถั่วชนิดหยาบ 170 กรัม
ส่วนผสมน้ำขิง
น้ำเปล่า 5 ถ้วย
ขิงแก่เผาไฟ 3 - 4 ชิ้น
น้ำตาลอ้อย 1 ถ้วย
เกลือ 1/2 ช้อนชา
มาดูเมนูของหวานไล่หวัดอันเลื่องชื่อกันบ้าง จะเป็นอะไรไปได้นอกเสียจาก บัวลอยน้ำขิง อย่างที่รู้ ๆ กันดีอยู่แล้วว่าสรรพคุณเจ๋งขนาดไหน ไหนจะน้ำขิงเผ็ดร้อนที่ซดแล้วโล่งจมูกคล่องคอและแก้หวัดได้แล้ว ยังมีงาดำบดเพิ่มโปรตีนให้ร่างกายอีกด้วย














วิธีทำ







7. ข้าวฟ่างเปียกสาเกเชื่อมนมสด
อีกหนึ่งเมนูขนมหวานที่เหมาะกับหน้าฝนนี้สุด ๆ เพราะข้าวฟ่างเป็นธัญพืชมากคุณค่า มีทั้งเส้นใยอาหาร และแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย เช่น วิตามินบี 3 ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม โพแทสเซียม และฟอสฟอรัส นั่นคือเหตุผลที่ว่า ถ้ารับประทานข้าวฟ่างเป็นประจำ จะทำให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดีนั่นเอง
ส่วนผสม
ข้าวฟ่าง
นมสดรสหวาน
ดอกอัญชัญ
สาเกเชื่อม
ดอกพวงชมพู (โรยหน้า)
อีกหนึ่งเมนูขนมหวานที่เหมาะกับหน้าฝนนี้สุด ๆ เพราะข้าวฟ่างเป็นธัญพืชมากคุณค่า มีทั้งเส้นใยอาหาร และแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย เช่น วิตามินบี 3 ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม โพแทสเซียม และฟอสฟอรัส นั่นคือเหตุผลที่ว่า ถ้ารับประทานข้าวฟ่างเป็นประจำ จะทำให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดีนั่นเอง







วิธีทำ
1. ต้มข้าวฟ่างด้วยน้ำดอกอัญชัญคั้นจนข้าวฟ่างสุกได้ที่
2. หั่นสาเกเชื่อมใส่ก้นถ้วย
3. ตักข้าวฟ่างที่หุงแล้วใส่ลงไปแล้วเกลี่ยให้มีช่องตรงกลาง
4. ใส่สาเกเชื่อมลงไปในช่องตรงกลาง
5. เทนมสดรสหวานราดลงไป แต่งด้วยกลีบดอกพวงชมพูให้สวยงาม







8. น้ำหมักผลไม้
เครื่องดื่มอย่างน้ำหมักผลไม้ก็ควรมีติดตู้เย็นไว้ในช่วงหน้าฝนนี้ เพราะผลไม้รสเปรี้ยว อย่างส้ม มะนาว เกรปฟรุต สตรอว์เบอร์รี องุ่น และอีกหลาย ๆ อย่างนี้มีวิตามินซีสูงที่จะช่วยรักษาระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติดี ร่างกายเราก็จะแข็งแรง ไม่โดนเชื้อโรคร้ายใด ๆ คุกคามได้ง่าย ๆ นั่นเอง และถ้าอยากจะมิกซ์แอนด์แมตช์ผลไม้ชนิดไหนหมักรวมกันก็ตามชอบใจได้ประโยชน์เห็น ๆ แนว ๆ ไม่ตกเทรนด์ด้วย
สิ่งที่ต้องเตรียม
ผลไม้ตามชอบ [ดูตัวอย่างการเลือกผลไม้แต่ละชนิดมาผสมกันได้ที่ 60 สูตรน้ำหมักผลไม้แบบไทย ๆ เครื่องดื่มสุขภาพสุดฮิต]
น้ำแข็ง
น้ำแร่ หรือ น้ำสะอาด
ขวดหรือกระบอก
วิธีทำ
1. นำผักหรือผลไม้ที่ชอบมาล้างให้สะอาดแล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เด็ดผักเป็นใบหรือทั้งก้านตามสะดวก (ให้ใส่ขวดได้เป็นพอ)
2. นำผักและผลไม้ใส่ลงขวดหรือกระบอกที่เตรียมไว้ ใช้ช้อนยาว ๆ บี้นิดหน่อยให้น้ำผลไม้และน้ำมันหอมระเหยของผักออกมา ใส่น้ำแข็งลงไป ตามด้วยน้ำสะอาด ปิดฝา นำไปแช่เย็น หมักขั้นต่ำ 1 ชั่วโมง ในกรณีต้องการดื่มแบบเย็นสะใจ แช่ไม่นาน (แต่ถ้าต้องการหมักข้ามวัน ไม่จำเป็นต้องใส่น้ำแข็งค่ะ)
นอกจากทั้ง 8 เมนูอาหารเพื่อสุขภาพรับหน้าฝนเหล่านี้จะมีประโยชน์ในการช่วยป้องกันและบำรุงร่างกายของเราให้พร้อมและแข็งแรงอยู่เสมอได้แล้ว เรื่องของรสชาติและความอร่อยก็ไม่เป็นสองรองใคร จดสูตรเก็บไว้ให้พร้อม !
เครื่องดื่มอย่างน้ำหมักผลไม้ก็ควรมีติดตู้เย็นไว้ในช่วงหน้าฝนนี้ เพราะผลไม้รสเปรี้ยว อย่างส้ม มะนาว เกรปฟรุต สตรอว์เบอร์รี องุ่น และอีกหลาย ๆ อย่างนี้มีวิตามินซีสูงที่จะช่วยรักษาระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติดี ร่างกายเราก็จะแข็งแรง ไม่โดนเชื้อโรคร้ายใด ๆ คุกคามได้ง่าย ๆ นั่นเอง และถ้าอยากจะมิกซ์แอนด์แมตช์ผลไม้ชนิดไหนหมักรวมกันก็ตามชอบใจได้ประโยชน์เห็น ๆ แนว ๆ ไม่ตกเทรนด์ด้วย








นอกจากทั้ง 8 เมนูอาหารเพื่อสุขภาพรับหน้าฝนเหล่านี้จะมีประโยชน์ในการช่วยป้องกันและบำรุงร่างกายของเราให้พร้อมและแข็งแรงอยู่เสมอได้แล้ว เรื่องของรสชาติและความอร่อยก็ไม่เป็นสองรองใคร จดสูตรเก็บไว้ให้พร้อม !




ที่มา:Kapook.com
Sign up here with your email